วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์ของคนรักทะเล สุดเขตประเทศไทย (The sea lover's paradise Thailand)

สวรรค์ของคนรักทะเล สุดเขตประเทศไทย (The sea lover's paradise Thailand)


ล่องเรือทะเลตรัง ทะเล สตูล ทริปที่ต้องไปก่อนตาย

สร้างจากเรื่องจริง







ทริปนี้เป็นอะไรที่ถ้าไม่ตั้งใจไปจริงๆ ไม่มีทางไปถึง เพราะต้องขับรถ 1100 กม (ไปกลับ 2200 กม) ไม่ต้องลากเรือก็ยากแล้ว ลากเรือไปด้วยก็ยิ่งยากใหญ่ และต้องขับเรืออีก 350 km โดยการการขับเลาะไปตามเกาะต่างๆ ล่องลงแวะไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่นจนสุดเขตประเทศไทย น้าพงศธรบอก ทริปนี้เป็นทริปพเนจร ร่อนเร่ไปตามเกาะต่างๆ

มีคนถามผมทำไมต้องทำแบบนี้ มันทั้งยากและเหนื่อย มันก็อธิบายยาก มันเป็นช่วงเวลาว่างของผม อยากทำอะไรก็ทำ ทำอะไรได้ทุกอย่าง เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีกฏเกณฑ์ ไม่มียากไม่มีเหนื่อย มีแต่ความมันส์ และการแล่นเรือเป็นกิจกรรมที่เป็นงานอดิเรก 

ผมทำงานเพื่อที่จะใช้เงิน ไม่ใช่ทำงานเพื่อเก็บเงิน เห็นเพื่อนหลายคนจากไป แค่เงินหนึ่งบาทในปากยังเอาไปไม่ได้เลย ไม่มีอะไรเอาติดตัวไปได้สักอย่าง

อีกอย่าง ยิ่งอายุมากเท่าไหร่ โอกาสจะทำทริปแบบนี้ยิ่งยากเท่านั้น ช่วงหลังขี้เกียจอธิบาย บอกที่ทำไปเพราะเป็นวันเกิด Birthday 555

ในหลายๆสถานที่ๆไป บางทีอาจมีโอกาสไปได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต (โดยเฉพาะลากเรือไป) ก็คุยกับน้าพงศธร บอกทริปนี้อาจมีโอกาสไปได้แค่ครั้งเดียว (ยกเว้นจะมีคนจ้าง 555 คงได้ไปอีก)



 เส้นทางที่ดีที่สุด คือ เพชรบุรี ประจวบฯ ชุมพร สุราษฏร์ธานี แล้วก็เส้นทางทุ่งสง ตรัง ถนน 4 เลนตลอด วิ่งเส้นเลี่ยงเมืองตรัง ก็จะไปปากเมง เส้นนี้มีปั้มน้ำมัน ปั้มแก็สเยอะตลอดทาง ถนนดีตลอดเส้นทาง

ตอนช่วงเพชรบุรี พึ่งสังเกตุตอนเต็มแก็ส เทรลเลอร์เรือท้ายมันห้อยลงต่ำไปสัก 1 cm Cassi มันโก่งไปนิดนึงดูไม่เป็นเส้นตรง เลยแวะลองหาที่เชื่อมดามดัด Cassi ยังไปไม่ถึงครึ่งทางเลย กลัวเจอทางไม่ดี Jump แรงๆมันจะโก่งไปใหญ่ ข้อดีของเทรลเลอร์เหล็ก คือ มีที่ซ่อมทั่วไทย



ผมเลยแวะถามหาร้านทำถามไปเรื่อย จนเจอร้านนึง "ร้านเจี๊ยบ เฮดเดอร์" ก่อนถึงสะพานข้ามทางแยกเข้าเมืองเพชรบุรี สัก 1 กม

น้าตุ้ม    : "ผมอยากให้เชื่อมเหล็กตัว L ดาม Cassi ตรงซุ้มล้อ ราคาเท่าไหร่ครับ"
น้าเจี๊ยบ : "ถ้าถามราคา ไปเลย" ไล่ส่งเลย

ผมก็นึกในใจไม่ให้ถามราคา เกิดร้านมั่วคิดแพงเกินจริงไม่ทะเลาะกันตายหรอ ขนาดเพื่อนผมร้านท่อไอเสียมันยังฟันผมเลย ก็ยังนึกอยู่ มันมีร้านที่ไม่ง้อลูกค้าแต่ลูกค้าเยอะด้วย

น้าเจี๊ยบพาผมเดินไปในร้าน ชี้ให้ดูที่ข้างฝาบ้าน เขียนไว้ว่า "ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน" แต่น้าเจี๊ยบก็ไม่บอกราคา

น้าเจี๊ยบบอก "ค่าเชื่อมไม่กี่ตังค์ ค่าเหล็กก็ไม่กี่ตังค์ ช่วงนี้ปีใหม่ คุณไปทำที่ไหนก็ไม่มีใครทำให้คุณ"
ผมก็ชอบวัดใจคน ทำแบบไม่ถามราคา น้าเจี๊ยบถามจะทำมั้ย ผมบอกทำครับ


 งานคือ ถอดล้อ ถอดซุ้มล้อ ดามเหล็ก Cassi ช่วงซุ้มล้อด้านล่าง 2 ข้างโดยการเชื่อม

ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่เป็น 2 ชั่วโมงเหมือนปรับคลื่นตรงกัน น้าเจี๊ยบมาคุยกับผมเต็มๆ 2 ชั่วโมง แกบอกงานวันเด็ก แกบริจาคเงินให้เด็กนักเรียน 4 หมื่น แกมีบ่อตกปลา บ่อเลี้ยงกุ้ง 10 ไร่ มีรถวิ่งส่งไปถึงตรัง รถมี 20 คัน รถทุกคันซื้อเงินสดไม่มีผ่อน ขณะที่คุยก็มีลูกค้าเข้ามาตลอดเวลา แกบอกทุกวันนี้แกไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน เวลาทำอะไรอย่าเอาเงินเป็นที่ตั้ง น้าเจี๊ยบเป็นคนที่มีแนวคิดชัดเจนมาก แกเคยเล่นเรือด้วย ซื้อเรือมาจากพัทยา แต่ขายไปแล้ว แกยังบอกผมเลยให้คอยจับดุมล้อเช็คดูว่าร้อนมากมั้ย เช็คเป็นระยะๆ ถึอว่าคุยถูกคอกันมาก แกเห็นผมมาคนเดียว รถคัน เรือคัน บอกจะไปสตูล มาจากนครสวรรค์ แกคงเข้าใจว่า บ้าใด้ใจคนเดียวจัดเต็มสุดเขตแดนเลย ผมเลยไม่ต้องอธิบายใช้มุข วันเกิด 555


ทำเสร็จ ... น้าเจี๊ยบถาม ข้างละ 400 แพงไปไหม ผมบอกได้ครับน้า เลยให้ขนมโมจิไปทาน จะได้คิดถึงนานๆ
ผมขับรถทั้งคืน น้าเจี๊ยบยังโทรมาถามถึงไหนแล้ว น้าแกเป็นคนใจดี ชอบช่วยคน เทรลเลอร์มีปัญหาแถวนี้มาเลยครับ แต่น้าแกห้ามถามราคาซิ...อิอิ ต้องรับให้ได้...






แร็มป์ที่ลงที่ปากเมง : http://tumsikwae.blogspot.com/2017/08/ramp-police-rescue-khlong-la.html


แร็มป์พังหมดแล้วลงไม่ได้ ที่นี่ต้องลงตอนน้ำขึ้นสูงสุดตอนตี 3 ตอน 6 โมงเช้าระดับน้ำในมาตราน้ำลดจากระดับน้ำสูงสุด 40 cm แต่ระดับน้ำจริงตอน 6 โมงเช้าจะผิดจากตารางน้ำถึง 1 เมตร (ระดับน้ำที่ตรังของมาตราน้ำน่าจะใช้ได้แค่น้ำสูงสุดกับต่ำสุด ระดับน้ำรายชั่วโมงยังไม่ตรงกับความจริง นี่นะน้ำ 2.5m ดูแล้วเต็มที่ก็ 1.5m) น้ำนี่ติดดินเลย ถ้าลงตอน 6 โมงเช้าไม่ได้ รอน้ำสูงสุดตอน 4 โมงเย็น 555 เสียเวลาไปอีกวัน ขยับมาอีก 100 เมตร ก่อนถึงป้อมตำรวจ เป็นทางลาดริมคลองเป็นดินปนทรายธรรมชาติ ก่อนถึงแร็มป์ปูนด้านเดียวกันในคลอง

งานนี้ใช้ความเก๋าเกมส์ โชว์สดแบบไม่ใช้แร็มป์ และไม่สนใจระดับน้ำ เจ้าเพื่อนยาก Trooper บ้าพลังได้แสดงพลังอย่างเต็มที่



เรือเจ้าถิ่น ขาแรงประจำคลอง



ลอดสะพานออกจากปากคลอง ระดับค่อนข้างตื้น แต่จะมีร่องน้ำที่เป็นแนวน้ำลึก



ที่ตรัง ปากเมง จะมีภูเขาลูกใหญ่ วิวจากหาดสวยเลย ดูอะลังการมาก




การประเมินสภาพอากาศ

ช่วงที่ไปเริ่มมีความกดอากาศสูงเข้ามาเป็นระยะ สรุปประเมินล่วงหน้า 7 วันก่อนเดินทาง : https://goo.gl/ZxssXq

ช่วงอยู่ระหว่างการเดินเรือ มีเรื่องให้ทำเยอะแยะ แต่ผมมีน้าพงศธร ช่วยส่งสภาพอากาศมาให้ดูเป็นระยะ เนื่องจากการทำนายสภาพอากาศถ้าให้แม่นยำต้องดูใกล้ และต้องประเมินใหม่เมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง

ช่วงนี้นี้แหละ พายุปาบึก เริ่มก่อตัว แต่ก็มีผลน้อยเนื่องจากความไกลของระยะทาง ลมต้องใช้เวลาเดินทาง และกลับมาก่อนพายุเข้าจริง น้าเอี้ยงก็ส่งข่าวมา บอกเกาะพะงัน อ่าวไทยคลื่น 4 เมตร

การเตรียมตัวของผมคือ ผมมีเสบียงบนเรือที่อยู่ได้ 7-10 วัน สามารถอยู่เกาะไหนก็ได้ กะอยู่เร่ร่อนเป็นชาวอูรักลาโว้ยไปเลย 555



เวลาเดินทางในทะเล ชื่อเกาะจากแผนที่การ์มิน มีไม่ครบและการอ่านแบบคาราโอเกะชื่อใทยในแบบอังกฤษ มันทำให้เราเหมือนคนไทยที่พูดไม่ชัด

ผมเลยได้รวบรวมชื่อเกาะต่างๆ พร้อมตำแหน่ง เพื่อว่าเวลาไปที่ไหนจะได้เรียกชื่อเกาะได้อย่างถูกต้อง บางเกาะก็มีหลายชื่อ บางเกาะก็ชื่อซ้ำกันหลายแห่ง




เกาะในจังหวัดตรัง มีทั้งหมด 56 เกาะมีรายระเอียดดังนี้ : http://tumsikwae.blogspot.com/2018/11/islands-in-trang.html








เกาะในจังหวัดสตูล มีทั้งหมด 106 เกาะ มีรายละเอียดดังนี้ : https://tumsikwae.blogspot.com/2018/11/islands-in-satun.html




เส้นทางเดินเรือ จากตรังไปเกาะหลีเป๊ะ


ระยะทางเดินทางจากตรังไปเกาะหลีเป๊ะ 160 กม จะผ่าน
  • ->เกาะมุก
  •  ->เกาะกระดาน
  •  ->เกาะลิบง 
  • ->เกาะเหลาเหลียงเหนือ เหลาเหลียงใต้ 
  • ->เกาะเภตรา
  • ->เกาะบุโหลนเล 
  • ->เกาะตะรุเตา 
  • ->เกาะไข่ 
  • ->เกาะหลีเป๊ะ
เส้นทางแบบนี้เหมาะสำหรับกับคนที่ขาดวิตามิน Sea

ระยะทางที่วิ่งเรือจริง 350 km เตรียมน้ำมันไป 160 ลิตร (ถังใต้ท้อง 60 ลิตร ถังสำรอง 4 ถัง) ผมจะมีน้ำมันสำรองให้ชาวชาวอูรักลาโว้ย ช่วยหาให้ 60 ลิตรของผม ของน้าบวรอีก 30+30 ลิตร (ไปซื้อเพิ่มอีก 30 ลิตรทีหลัง)

น้ำมันที่เกาะหลีเป๊ะ สีไม่เหมือนโซฮอล 95 ที่ผมเติม น้าบวรบอกเบนซิน 95 แท้ หามาได้ลิตรละ 30 บาทรวมค่าบริการส่งถึงเรือ เราไปซื้อเองไม่ได้ต้องให้คนเกาะซื้อให้ น้าบวรไปถามบนเกาะบอกลิตรละ 50 บาท ราคาสินค้าส่วนใหญ่เป็นราคานักท่องเที่ยว เทคนิคใครเทคนิคมันต้องหาวิธีผูกมิตรกับคนบนเกาะ จะรู้มากทุกอย่าง ถังน้ำมันบนเกาะจะใช้สีฟ้า 30 ลิตร แต่ที่พวกเราใช้สีแดง 25 ลิตร แค่ถึอถังไปเขาก็รู้แล้ว ...หมูมาแล้ว


MV ทริปเดินทางตรัง-หลีเป๊ะ ดูปั้ปก็จะรู้ว่ากว่าจะถึงหลีเป๊ะพวกเราเจออะไรมาบ้าง สร้างจากเรื่องจริ๊ง






ทริปที่ 1 ทริปเกาะมุก



น้ำเรียบเป็นกระจกเลย ไม่เร้าใจ ไม่ตื่นเต้น อุตส่าห์มาซะไกล ... เหมือนวิ่งอยู่บึงบอระเพ็ดเลย


 ท่าเรือเกาะมุกด์ (หรือเกาะมุก เขียนได้หลายอย่าง) สะพานยาวมากๆ


 หาดศิวาลัย เกาะเขตนี้จะมีรีสอร์ทเกือบทุกเกาะ


วิวสวยใช้ได้




มองออกไปจากหาดฝรั่ง


เรือเยอะๆ




พ้นมุมนี้ก็จะเจอถ้ำมรกต


ปากถ้ำมรกต ต้องว่ายน้ำเข้าไป




ทริปที่ 2 ทริปเกาะกระดาน




ตอนนี้เรากำลังขับเรืออยู่เขื่อนศรีฯ เอ้ย!!! ไปเกาะกระดานกันครับ



ระยะทางประมาณขับออกฝั่งพัทยาไปเกาะล้าน ไวเหมือนโกหก ถึงแระ... จอดหน้าหาดเกาะกระดาน


เกาะกระดาน ขึ้นชื่อ ว่าเป็นเกาะที่มีหาดสวยที่สุดในตรัง และเลื่องชื่อจาก วิวาห์ใต้สมุทร จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี มีการบันทึกจากหนังสือ กินเนส เวิลด์เรคคอร์ด (Guinness World Records) ว่าเป็นวิวาห์ใต้สมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนคู่รักที่เข้าร่วมในพิธีวิวาห์ จดทะเบียนกันใต้ทะเลจริง นายอำเภอดำน้ำมาจดทะเบียนสมรสให้




ไปไหนดี


 หาดนี้ดีงาม ข้อดีของการเที่ยวทะเล สวยตั้งแต่หน้าหาด บนพื้นทราย ในน้ำ ใต้น้ำ แนะนำ ... อิอิ


อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าใหม เกาะกระดาน หัวหน้าอุทยานกันเองมาก เป็นคนที่มีมิตรภาพมาก มาทานข้าวกันที่นี่ หัวหน้ามาช่วยลูกน้องด้วยเสริฟ์ให้เรา กันเองกับทุกคน คุยกันพักนึง สถานที่ดีคนก็ดี้ดี มีน้ำใจ  ... สถานที่แบบนี้แหละที่อยากมาเที่ยว



คู่รักแห่งปี 2019



น้าไม่ต้องห่วงผมครับ เยอะมาก (คนก็เยอะ ผมก็เยอะ)


เลยเป็นที่มาของ MV เปิดทริป Maritime Trang (Ko Kradan)  : https://youtu.be/e0Sd_qnVhd0



จุดกางเต็นท์ วิวดี




ทริปที่ 3 เกาะเหลาเหลียง

เกาะเหลาเหลียงจะประกอบด้วย เหลาเหลียงพี่ (เหนือ) กับเหลาเหลียงน้อง (ใต้)


เห็นเรียงมากันแต่ไกล




หอเตือนภัยสึนามิ รับสัญญาณผ่านดาวเทียมหรือคลื่นวิทยุ VHF แจ้งเตือนเป็นเสียงไซเรน


ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยาน เกาะเหลาเหลียง มีเจ้าหน้าที่ดูแล และมีเอกชนมาเช่าพื้นที่ทำที่พักในรูปแบบเต็นท์



เกาะเหลาเหลียง ถ้าจะถ่ายรูปให้สวยต้องช่วงเช้าจนถึงเที่ยง พอบ่ายเกาะจะบังแดด น้ำเลยดูสีไม่สวย ดูดำๆเข้มๆ แต่จะดีเล่นน้ำตัวไม่ดำแดด ดำลมแทน 555





เกาะเหลาเหลียงน้อง


มีหอเตือนภัยสึนามิเหมือนกัน


มีถ้ำไว้ให้หลบภัยตอนมรสุม


มองจากเกาะเหลาเหลียงน้องหรือเกาะเลี้ยงใต้ จะเห็นเกาะเภตราอยู่ข้างหน้า


เกาะเภตราอยู่ข้างหน้า ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คลื่นมากสุด ประมาณ 20-30 cm ตรงตามที่ประเมินไว้ล่วงหน้าก่อนมา



เกาะจังกาบ จะอยู่ก่อนถึงเกาะเภตรา

ที่เกาะเภตราจะเป็นภูเขาที่ดูแล้วลึกลับ เหมือนทางไปสวรรค์ ขาไปขับเลียบไปทางฝั่งขวา จะเป็นเขาสูงชัน ส่วนขากลับขับเลียบไปทางฝั่งซ้าย ฝั่งซ้ายจะมีหาดทรายและมีอาคาร และมีคนอาศัยอยู่ด้วย



คลื่น 0.3m 3s , ลม น. 14 km/h , ฝน 0.3 mm , ทัศนวิสัย 28.9 km

ขับแบบบินๆ ไปตลอดทาง



ทริปที่ 4 เกาะบุโหลนเล


 
กลุ่มเกาะบุโหลน จะมีเกาะใกล้ๆกัน 3 เกาะ คือ
  • เกาะบุโหลนเล บนเกาะมีรีสอร์ท มีชุมชนชาวเล ร้านค้า
  • เกาะบุโหลนดอน ชุมชนชาวเล ชาวอูรักลาโว้ย
  • เกาะบุโหลนไม้ไผ่ จะมีหน่วยพิทักษ์อุทยาน ภต.3 เกาะบุโหลนไม้ไผ่
 


มาถึงตรงนี้ เข้ามาเขตจังหวัดสตูลแล้วครับ เกาะบุโหลนเล จะมีชื่อเสียงมากกับคนต่างชาติ ดังมาก่อนเกาะหลีเป๊ะจะเกิดอีก ถึอว่าเป็นเกาะยอดนิยมสำหรับต่างชาติมานานมาก แต่คนไทยน้อยคนที่จะรู้จักต้องแนว Backpacker

น่าจะเป็นที่สไตล์การท่องเที่ยวต่างชาติกับคนไทยไม่เหมือนกัน นักเดินทางท่องโลกตัวจริงต้องการสัมผัสธรรมชาติบริสุทธ์ (Pure nature) ไม่ต้องปรุงแต่ง ส่วนนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสที่พัก ความสะดวก ความสบาย และอาหารเลิศรส สัมผัสมันต่างกัน


นอนพักที่นี่ 1 คืน ทะเลเรียบกริป นอนสบาย



เลยได้ MV เกาะบุโหลนเล : https://youtu.be/my8juuipkFg






ทริปที่ 5 เกาะตะรุเตา


ตลอดการเดินทางนำทางด้วย ipad mini แผนที่ Garmin จริงๆใช้มือถือก็ได้แต่จอมันเล็กมองยาก Ipad mini ขนาดกำลังดี


อุทยานแห่งชาติ เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล อ่าวพันเตมะลากา



เกาะนี้มีประวัติอย่างโชคโชน ใช้เป็นคุกที่คุมขังนักโทษ

ในอดีดไม่มีเรือใดกล้าผ่าน ด้วยความที่เป็นเกาะใหญ่อยู่กลางทะเลลึกห่างไกลฝั่ง ในทะเลชุกชุมไปด้วย “ฉลาม” ตามคลองมี “จระเข้” ไม่ค่อยมีเรือแล่นผ่าน ทะเลมีคลื่นจัด ลมแรง เป็นกำแพงคุกธรรมชาติป้องกันการหลบหนีอของนักโทษได้อย่างดียิ่ง

ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา เกาะนี้ได้ถูกตัดจากแผ่นดินใหญ่อย่างสิ้นเชิง เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ยา และเครื่องใช้ต่างๆ ผู้คุมและนักโทษ จึงได้ทำตัวเป็นโจรสลัดปล้นสดมเรือที่ผ่านไปมา

 
อดีตเป็นนรก ปัจจุบันเป็นสวรรค์


เนื่องจากมีเสด็จ เราจึงมีเวลาแค่ 5 นาที ได้ถ่ายรูปนิดหน่อย


เลยมารูปแบบ MV เกาะตะรุเตา : https://youtu.be/69REY2cBRBA






ทริปที่ 6 เกาะไข่


ขับเรือมาตั้งไกลยังไม่ถึงหลีเป๊ะเลยครับ ... อิอิ


 เกาะไข่เป็นเกาะเล็กๆ เป็นแค่เกาะทางผ่าน เรือทุกลำวิ่งมาจะจอดให้ถ่ายรูป สัญญาลักษณ์ที่แสดงออกของความรัก คือ "ซุ้มรักนิรันดร์"

ประตูหินโค้ง ... ตะรุเตา สตูล
จุดเพิ่มพูล ตำนาน รักหนุ่มสาว
แดนประเดิมเสริมรักให้ยื่นยาว
สองเราก้าวสู่ประตู ... รักนิรันดร์





ตรงนี้จะมีกลุ่มเกาะอยู่ 3 เกาะอยู่ใกล้ๆกัน

  • เกาะไข่
  • เกาะตะงาห์
  • เกาะกลาง

 ผมสามารถเรียกชื่อเกาะต่างๆทั้งประเทศได้อย่างถูกต้อง เพราะผมรวบรวมข้อมูลไว้แล้ว

เกาะในประเทศไทย : http://tumsikwae.blogspot.com/2018/06/islands-in-thailand.html

ที่ต้องทำเพราะจะรู้สึกว่าอาย ถ้ามีต่างชาติมาถาม ว่าเกาะนี้ชื่ออะไร แล้วเราตอบไม่ถูก


จอดแบบเทพ น้ำแค่เข่าพอ

ข้อดีของเรือสปีดโบ๊ทคือ น้ำแค่เข่าก็เดินเรือได้แล้ว





ระดับความใสถึงขีดสุด จะใสไปถึงไหน




ปลาจะกล้าเข้ามามั้ยเนียะ ใสจนเห็นตัวปลา




เจอสาย Hardcore แบบเราเลย เอาเรือ Hobie cat มา กางเต็นท์นอน ... เทพจริงทำได้ทุกอย่าง


เอาไปทำโปสการ์ด




แล้วก็ได้ MV เกาะไข่ ที่ทำไปเพราะวันเกิด 555 : https://youtu.be/klgD_aKdMus






ทริปที่ 7 เกาะหลีเป๊ะ




ในที่สุด ก็มาถึง หลีเป๊ะแล้ว ... หลีเป๊ะ

ผมไม่เคยมาหลีเป๊ะมาก่อน ทั้งๆที่อายุใกล้เข้าโลง หลีเป๊ะในจินตนาการที่คิดไว้ คือ ประมาณเกาะตาชัย หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ แต่พอขับเรือมาถึงครั้งแรก ...


พระเจ้า ... ผมตะลุยมาทุกที่ทั่วประเทศแล้ว ที่นี่เหนือความคาดหมายจริงๆ นี่มันสวรรค์ของคนรักทะเลจริงๆ มันเป็นทะเลที่สวยเหมือนได้ไปสวรรค์ มันไม่ได้สวยที่สุดระดับประเทศแล้วล่ะ ... แต่สวยติดอันดับโลก ความลึกของหาด สีของทราย ความใสของน้ำ ที่นี่มันลงตัวพอดี รู้สึกแปลกใจตั้งแต่เกาะไข่แล้ว แค่เกาะทางผ่านทำเอา อเมซิ่งไปเลย


ระดับความลึก 3-5 เมตร แบบเรือวิ่งได้ แต่วิ่งไปก็เสียวๆหน่อยว่าจะโดนหินมั้ย เพราะมันมองเห็นหินข้างล่างหมดเลย น้ำก็ใสเว่อร์มาก ประเทศไทยน่าจะไม่มีที่ไหนสวยกว่านี้อีกแล้ว


ของจริงน่าจะสวยกว่าในรูป เพราะถ่ายขณะเรือกำลังวิ่ง


ความใสของน้ำนี่ถึงขึดสุดจริง ความลึก 5 เมตรนี่ยังกับอยู่ใกล้ๆเลย ใสแจ๋ว


อลังการงานสร้างจากธรรมชาติ บรรจงออกมาได้วิจิตร


และยังมีเกาะบริวารอีก  2 เกาะที่เชื่อมถึงกัน


หาดซันไรซ์ หรือ หาดชาวเล



เผลอแป๊ปเดียว เมฆฝนมาแล้ว


สักพักเมฆฝนก็ไป ฝนไม่ตก แต่ไม่มีแดด มีเมฆบังแดด ทะเลเลยไม่ค่อยสวยเหมือนเดิมแล้ว ดูวิวอย่างอี่นบ้าง


ถึงจะเป็นเกาะที่ห่างไกล แต่ที่นี่มีทุกอย่าง


ที่พักนี่เลือกไม่หวาดไม่ไหว เยอะๆมาก






ไปหาดบันดาหยาทางไปขับผ่านช่องเกาะได้เลย


ความใสมันหลอกตา แค่ดูเหมือนตื้น ขับตามเรือแท็กซี่ เขาวิ่งกันรอบเกาะด้านใน



หาดบันดาหยา หรือ หาดพัทยา ไม่เข้าใจใครไปตั้งชื่อให้หาดพัทยา ชื่อหาดบันดาหยานี่ชื่อเพราะแล้วเท่ห์เป็นตัวของตัวเองไม่ซ้ำใครด้วย ชื่อหาดพัทยานี่ออกแนวโครตเชยโหลมาก ที่ขอนแก่นไม่ติดทะเลยังมีเลยหาดพัทยา เยอะๆๆที่นี่สวยกว่าตั้งเยอะ

ตรงนี้จะเป็นท่าเรือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง มีนักท่องเที่ยวจากมาเลย์เยอะพอควร อ่าวนี้เรือเยอะ เรือเข้าออกตลอด


ของจริงแดดร้อนมาก มาที่นี่เพื่อมาเอาน้ำมันเบนซินที่นัดไว้


ที่นี่เป็นเกาะที่หาเงินง่ายมาก ชาวอูรักลาโว้ยเปลี่ยนอาชีพมาวิ่งเรือรับนักท่องเที่ยวแทน วันนึงคงได้สักครึ่งหมื่น ไม่แน่ใจว่ายังเหลือชาวอูรักลาโว้ยที่ทำประมงสักเท่าไหร่ ประมงพื้นบ้านจะจับปลาให้ได้วันละ 5 พันคงยาก วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวเงินดีกว่า เศรษฐกิจแบบนี้หาเงินเหรียญยูเอสง่ายกว่าหาเงินบาท

ที่ดูด้วยสายตามีเรือหัวโทงประมาณไม่ต่ำ 100 ลำ พอตอนเย็น จอดเต็มหาดเลย


หาดอีกด้าน



Cool Cool


 
แถวนี้ตอนกลางวันดูไม่ค่อยมีอะไร แต่พอกลางคืน ระยิบระยับทั้งหาดเลย ตรงนี้แหละแหล่งเที่ยวกลางคืน ศูนย์กลางความบันเทิง ... อิอิ


บรรยากาศพอได้ แต่หาดซันไรซ์หรือหาดชาวเล สวยกว่าส่วนตัวกว่า ตรงนี้มีแต่เรือเข้าออก




สะพานจอดเรือไว้สำหรับเรือหางยาว มันดูสั้นๆ เห็นเรือหางยาวเข้าออกตลอดเลยไม่ได้จอดตรงนี้



เรือจอดตรงนี้ ช่วงที่รอน้ำมันมาส่ง ผมบอกจะไปซื้อน้ำแข็งที่เซเว่น จะเอามั้ย น้าบวรบอกเรือผมไม่มีถังน้ำแข็ง มันหนักเรือ ...





ตายแว้วววว ... เรือน้า ใจคอจะบรรทุกมาแต่ถังน้ำมัน ไม่มีถังน้ำแข็ง น้าอยู่ได้ไงร้อนจะตาย ฝึกความอดทนดีมาก ไม่มีน้ำเย็นๆดื่ม เรือผมนี่ถังเบ้อเร่อ เบียร์เย็นจนแทบเป็นวุ้น 555




ถนนคนเดิน Walking Street ตอนกลางวัน


ร้านอาหารจะมีราคาพร้อมเมนูให้เปิดดูหน้าร้าน ลองเปิดดู ราคาเท่ากรุงเทพฯ ปรกติ อย่างกุ้งมังกรไซค์ยักษ์ ตัวละ 1500 ราคาก็เท่าร้านอาหารตามตลาดนัด กทม. แต่ดูน่าจะสดกว่าเยอะ เพราะแหล่งเลี้ยงกุ้งมังกรอยู่แถวเกาะลิบง ถ้าอยากได้ถูกกว่านี้คงต้องแวะซื้อที่เกาะลิบงแล้วมาย่างเอง 555


ที่เกาะหลีเป๊ะจะมีเซเว่นถึง 2 แห่ง ได้น้ำแข็งมา 3 ถุงๆละ 16 บาท บนเกาะไม่มีโรงน้ำแข็ง น้ำแข็งต้องขนมาจากฝั่งอย่างเดียว

สักพักน้องก็แบกถังน้ำมันเบนซินมาส่ง พอส่งเสร็จก็เลยให้ขนมโมจิไปทาน ... ขอบใจมากน้อง ถ้าไม่ได้น้ำมันเบนซินนี่ ถึงขั้นกลับบ้านไม่ได้เลย เพราะตีตั๋วมาเที่ยวเดียว 555



แล้วก็ได้ MV หลีเป๊ะ : https://youtu.be/gfgj_EhrSlw



ถ้าคุณไปต่างประเทศ หรือไปสุดขอบประเทศ คุณจะเห็นความแตกต่างว่า แต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน เวลาผมไปต่างประเทศ สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือ คิดถึงอาหารไทย คิดถึงน้ำพริก เราจะเริ่มรู้ตัวว่ารากเง้าเราคือ คนไทย และดีใจที่เกิดมาเป็นคนไทย ประเทศไทยมีทะเลที่สวย ต่างชาติถึงมาเที่ยวกันมากถึงมากที่สุด

หลายประเทศอากาศหนาว ไม่มีแดด ไม่ลงน้ำก็หนาวจะตาย ลงน้ำก็แทบเป็นน้ำแข็ง เขาไม่เล่นน้ำทะเล และทะเลก็ไม่สวยใส บางที่ก็คลื่นลมก็แรง ไม่ใช่ทะเลเรียบๆ ทะเลที่สวยๆส่วนใหญ่จะอยู่ไม่ไกลกับเส้นศูนย์สูตร อากาศร้อนๆ ลงไปแช่น้ำ มันเย็นชื่นใจ ดำน้ำใต้ทะเลก็สวย

แต่บ้านเราก็ไม่มีดีไปหมดหรอก บางอย่างก็ยังต้องรอการแก้ไขในอนาคต หลายครั้งเวลาเราเดินทางไปที่ต่างๆ เราก็จะเจอหลายสิ่งที่เราไม่เข้าใจ

เรามีของดีๆเยอะ ทุเรียน มะม่วง เกรดเอแต่เราก็จะเก็บไว้ขายต่างประเทศ เพื่อให้ได้ราคาที่สูงที่สุด ประเทศเรามีทรัพยากรน้ำมันในอ่าวไทย การที่ผลิตเองนั่นคือ ต้นทุนที่ต่ำที่สุด ถูกที่สุด แต่เวลาเราขาย เราจะต้องขายราคาตลาดโลก เพื่อให้ได้ราคาสูงที่สุด

ในขณะที่มาเลย์ ห่างจะจุดที่ผมอยู่ 10 กว่ากิโลเมตร ขายน้ำมันเบนซินลิตรละ 15.20-17 บาท แนวคิดมันไม่เหมือนกัน เขาคงคิดอะไรที่ผลิตได้เองได้ต้นทุนที่ถูกสุด เขาอยากขายกำไรเท่าไร เขาก็ขายเท่าที่เขากำไรไม่เดือดร้อนและไม่มากเกิน อะไรก็ตามที่เขาผลิตเอง เขาไม่ต้องเอาราคาตลาดโลกมาตั้ง เพื่อขายให้คนประเทศของเขาในราคาตลาดโลก

มันทำให้ผมคิดถึงคำของ น้าเจี๊ยบเลย น้าเจี๊ยบบอกว่า "เวลาทำอะไรก็ตาม อย่าเอาเงินมาเป็นที่ตั้ง" แต่ถ้าคิดแบบนั้น มันบ่งบอกเจตนา ว่าเขาคิดอย่างไร

ตอนนี้ทำความฝันถึงเกาะหลีเป๊ะแล้ว น้ำมันก็มีแล้ว ทำทริปสำเร็จแล้ว กลับบ้านดีกว่า ...


เอ้ย ... ยังต้องไปต่อ วนรอบเกาะบริวารอีก 50 กิโลเมตร ... 555



ทริปที่ 8 เกาะหินงาม ร่องน้ำจาบัง เกาะหินซ้อน เกาะรอกลอย เกาะผึ้ง เกาะราวี เกาะอาดัง



ด้านซ้าย เกาะจาบัง ตรงกลาง เกาะหินงาม


เกาะหินงาม เดี๋ยวนี้มีข้อห้าม ห้ามเรียงหินตั้งเป็นแถวแล้วนะครับ


หินสวยจริงๆ ธรรมชาติมาจับกองกันมากมาย แปลกมาก



ตียาวไปเกาะหินซ้อน


ลมมรสุมตะวันออกไม่มีผล เกาะอาดังกันลมไว้หมด ทะเลเลยเรียบ




มาไกลแค่ไหนก็ยังมีสัญญาณโทรศัพย์ ดูแล้วอยู่มาเลย์ น่าจะใช้โทรศัพย์ไทยได้
 


เกาะหินซ้อน



ช่วงนี้ก็จอดเรีอคุยกับเรือแท็กซี่ เพราะตอนที่ผมหาข้อมูลมา มันมีปะการัง 7 สีหลายที่ แต่ก็เป็นที่น่าเสียใจอย่างมาก คนเรือบอกปะการัง 7 สี ไม่มีแล้วเหลืออยู่ที่เดียวคือ ร่องน้ำจาบัง เขาบอกปะการังหายไปหมดตั้งแต่ที่มีการปิดอ่าว เจ้าของเรือบอกปะการัง 7 สีถูกขโมยไปขายตอนปิดอ่าว ชาวบ้านเขาคิดกันแบบนั้น จริงเท็จประการใดไม่ทราบ รู้ไว้เป็นข้อมูล ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเป็นข้อมูลเก่าไม่อัปเดท น่าจะเป็นข่าวร้ายของคนที่ชอบดำน้ำ



เกาะรอกลอย อ่านว่า เกาะ-รอ-กลอย ครั้งแรกผมก็อ่านผิด จนมาเห็นป้าย





เจอเรือบรรทุกเครื่องบิน อลังการมาก



มาที่ปลายสุดของเกาะดง (เกาะบาตวง หรือเกาะบุเตง) จะมองเห็นเกาะผึ้ง แถวนี้ทะเลสวย จอดพักทานข้าวบนฝั่งเกาะบาตวง น้าบวรกับน้าฝนไม่ได้เตรียมเสบียงมา ผมเลยบอกว่าไม่ต้องกังวล วันนี้เราจะทานอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกกัน


 
ผมก็รอจนมั่นใจว่าน้าแกหิวจริงๆ ค่อยทำเอาข้าวมาต้ม ทำข้าวต้ม กับข้าวเมนูง่ายๆ ของทอดสามสหาย ใส่ถาดหลุม

ตอนนี้น้าหิวยัง ผมก็บอกไปว่า นี่คือ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก คือ อาหารที่ได้ทานตอนที่หิวจริงๆ เท่านั้น 555

พอทานเสร็จก็มาดำน้ำกันแถวๆ นี้ครับ

โอ้ ... กระแสน้ำแรงมาก โชคดีไม่ได้ใส่ชูชีพ ไม่งั้นว่ายทวนกระแสน้ำไม่ไหวแน่ 



เจอเรือใบสวยๆ





เรือลำนี้วิ่งมาจากภูเก็ต แวะคุยกันจุดแวะพักทานข้าวที่เกาะดง (เกาะบาตวง หรือเกาะบุเตง ที่มันมีหลายชื่อคงเพราะเรียกกันเพี้ยนกัน เนื่องจากสำเนียงภาษา) ถามกันว่ามาจากไหน บอกวิ่งเลาะมาเรื่อยๆจากตรัง เขาบอกต้องคนที่ชอบเรือมากๆ ถึงจะทำแบบนี้ได้ 555


 ที่เกาะราวี ตรงตำแหน่งในแผนที่ Boat Map จุดที่ 18 จะมี อช.ชั่วคราว มีเจ้าหน้าที่อยู่ ตรงนี้มีน้ำตกบนเกาะด้วยเลยจุดเรือยอร์ชจอดไปหน่อย แต่ตรงนี้จะเข้าไปยาก เพราะระดับหาดจะตื้นมาก ความชันน้อยมาก เลยไม่ได้ไป ต้องอาศัยน้ำขึ้นถึงเข้าไปได้ เจ้าหน้าที่บอกตอนออกมา ยกเรือกันออกมาจากแนวน้ำตื้น

จึงเดินทางไป หน่วยพิทักษ์ อช.เกาะราวี (ตำแหน่งใน Map จุดที่ 21) ที่เกาะราวีจะมีที่พัก หาดทรายที่นี่ก็สวยธรรมชาติมาก ตั้งใจจะมาพักกันที่นี่ เอาเรือผมผูกทุ่นจอดไว้ที่นี่ก่อน เนื่องจากน้าบวรกังวลเรื่องน้ำมันจะไม่พอกลับ จะเอาน้ำมันเพิ่มอีกถังและจะไปแวะร่องน้ำจาบังกันด้วย ไปกับเรือน้าบวร เลยได้แวะเข้าหลีเป๊ะอีกรอบ

ร่องน้ำจาบัง ก็คือร่องน้ำที่อยู่ใกล้ๆกับเกาะจาบัง จะมีกองหินใต้น้ำลึกประมาณ 4 เมตร (อยู่ที่น้ำขึ้นน้ำลงด้วย) กองหินเล็กๆนี้เลืองชื่อจาก ปะการัง 7 สี แต่ตรงนี้กระแสน้ำจะแรง เพราะร่องน้ำอยู่ห่างเกาะ มีเชือกขึงไว้ตรงจุดบนกองหิน เพื่อไม่ให้ไหลไปตามกระแสน้ำ แต่เชือกจะไม่สามารถพยุงตัวเพื่อลอยน้ำได้ หลายคนที่มา อาจไม่เชี่ยวชาญการลอยตัว แต่ละคนจึงตีขาเพื่อพยุงตัว

 


การจะได้รูปปะการัง 7 สีนี่ ... ต้องฝ่าดงฝ่าเท้าลงไป อย่างน้อยผมมาก็ไม่เสียเที่ยว นี่คือปะการัง 7 สีที่เห็นครั้งแรกในชีวิต มีกองหน่อยเดียว กองแค่นี้แหละที่ทำให้หลายคนมาที่นี่ บินข้ามน้ำ ข้ามทะเล อ้อมโลกมา




แล้วก็ได้ MV Archipelago Lipe : https://youtu.be/1BrTSbDoYLo




ภาพจาก gopro 7 น้าบวร








อ่าวที่จอดทานข้าว



รูปกล้องน้าบวรมีไม่กี่รูป

แล้วไปหลีเป๊ะ ก็ให้คนบนเกาะช่วยจัดหาน้ำมันให้ เรามีอะไรลองขอความช่วยเหลือจากคนพื้นที่ เขาก็ช่วยนะครับ คนบนเกาะโดยส่วนใหญ่ใจดี มีมิตรภาพ มีน้ำใจ ให้การช่วยเหลือเราอีกแล้วครับ

จอดซื้อน้ำมันที่หาดชาวเล คือ เราก็เข้าใจว่าที่นี่เรือเยอะกว่าหาด เพราะเกาะไม่ใหญ่มาก ฉะนั้นการจอดเรือจะใช้วิธีจอดแบบเรียงต่อแถวกันยาวลงไปในทะเล โดยมีการเชือกทิ้งไว้สำหรับผูกเรือ และหาดเกือบส่วนใหญ่จะมีปะการังเป็นแนวเกือบทั้งเกาะ จึงไม่มีการทิ้งสมอเพื่อจอดเรือ ซึ่งเราก็ทำตามวิธีการจอดเรือแบบเขาทุกอย่าง

จอดเรือตรงใกล้ๆคิวจอดเรือแท็กซี่ ขณะที่รอน้ำมัน ตรงนี้จะใกล้ถนนบนเกาะ

ลุงที่คุมคิวเรือแท็กซี่เดินมาบอกว่า "ตรงนี้ไม่ไห้จอด จอดไม่ได้" ซึ่งเมือคืนก็จอดกันได้ปรกติ ผมก็นึกในใจพื้นที่ในทะเลมีเจ้าของด้วย คือ เขาใช้พื้นที่ประจำจนเขาคิดว่าเขาเป็นเจ้าของ ในส่วนตัวฝึกจิตมาพอควร ถ้าจะต้องเจออะไร แล้วต้องกลัวก็คงไม่ไปทั่วประเทศ และพื้นที่ในทะเลกฏหมายเขียนไว้เป็นที่สาธารณะ เจ้าของรีสอร์ทร้อยล้านพันล้านก็ยังเป็นเจ้าของหาดไม่ได้ มีกฏหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเขียนไว้ ในเรื่องการใช้ประโยชน์และห้ามรุกล้ำพื้นที่ แต่ถ้าจะคุยแบบนี้ ลุงแกคงไม่เข้าใจ เวลาไปไหนเป็นเรื่องปรกติที่ต้องเจอเจ้าถิ่นทั้งดีและมั่ว

ผมก็เลยพูดบอกลุงไปว่า "ลุง ... ฟังผมให้ดีนะ ... ผมจะมีโอกาศมาที่นี่ ... แค่ชาตินี้เท่านั้น" เท่านั้นแกก็เงียบ ไม่พูดอะไร แล้วก็เดินจากไป เรือเราก็จอดที่เดิม ...


พอได้น้ำมันก็ขับกลับไปที่ อช.เกาะราวี เพื่อไปพัก น้าบวรลงไปถามเรื่องที่พัก อช.เกาะราวี ปรากฏว่าบอกพักไม่ได้ให้มาพักที่ อช.เกาะอาดัง ครั้งแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไปพักไม่ได้ เพราะน้าบวรไม่ได้ถามว่าทำไมพักไม่ได้ พอมาถึง อช.เกาะอาดัง ก็ถึงบางอ้อว่า ... วันนี้เจ้าหน้าที่เขาจัดงานปีใหม่กันที่นี่ บรรยากาศดูผ่อนคลาย นักท่องเที่ยวสามารถดื่มกินได้ปรกติ


บนเกาะอาดังจะมีน้ำตก ชื่อ น้ำตกโจรสลัด น้ำจืดเกาะหลีเป๊ะ ได้มาจากเกาะนี้ มีท่อน้ำวางบนพื้นทะเลต่อไปเกาะหลีเป๊ะ




ลานกางเต็นท์



หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ตต.5 แหลมสน เกาะอาดัง



คืนนี้นอนกันเกาะอาดัง คืนนี้ที่เกาะหลีเป๊ะมีการจัดงานปีใหม่กันด้วย โดยมีงานแบบสาวน้อยตกน้ำ คือ เสียค่าเข้า 200 (เข้าใจว่าเป็นค่าดริ้งค์) มีดนตรีเล่นสด แล้วทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ก็กระโดดสระว่ายน้ำเล่นน้ำกันสนุก ใส่ชุดอะไรก็ได้ เอาไงดีถ้าไปสงสัยไม่ได้นอนแน่ แล้วต้องขับเรือกลับด้วย ติ๊กต่อกๆๆๆ ...

นอนดีกว่า น้าพงศธรก็ส่งข้อมูลมาพายุปาปึกจะเข้าวันที่ 2 คลื่นคงแรงแน่ เก็บแรงไว้ลุยพรุ่งนี้ต่อดีกว่า

ตอนออกน้าบวรตั้งเข็มไปปากเมง ออกนำหายไปก่อนเลย ผมโทรไปบอกไปทางนั้นไม่ได้ เนื่องจากเรือจะวิ่งหันหาคลื่นหันหาลมและเป็นเส้นทางทะเลนอก ซึ่งรู้อยู่แล้วว่ามีคลื่นบวกระยะทางไกล พอมีคลื่นเรือจะใช้เวลาวิ่งนานขึ้นคูณสองก็ขึ้นต่ำ 6 ชั่วโมง หรือคูณสามก็ขึ้นต่ำ 9 ชั่วโมง อาจถึงขั้นขึ้หักใน หมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือถ้าเครื่องเรือมีปัญหาลมจะพัดออกไปออกไปจนถึงอินโดนีเซีย จริงๆผมรู้อยู่แล้วว่าคลื่นลมในอันดามันโหดกว่าคลื่นลมอ่าวไทย ขนาดเรือ 40-50 ฟุตยังขาดกลางเลย ถ้า 17 ฟุตนี่แค่ลูกเดียวคงม้วนคว่ำไปเลย ถ้าขับในคลื่นลมรุนแรงไม่เป็น

จริงๆแล้วแผนเดิมยังต้องไปอีก 2 เกาะ คือ เกาะรอกน้อย-เกาะรอกใหญ่ และเกาะไหง แต่ก็ได้เตรียมแผนสำรอง ถ้ามีคลื่นลมคือ จะวิ่งแนวทะเลใน ซึ่งวิ่งห่างฝั่งประมาณ 10-15 กว่ากิโลเมตร เพื่อลดความแรงคลื่นลม คือ ไปเกาะบุโหลนไม้ไผ่แทน โดยใช้เส้นทางวิ่งเฉียงคลื่นเฉียงลมแทน ซึ่งก็ได้ผลดีลดแรงกระแทกไปได้มากและวิ่งขึ้นน้ำได้ตลอดแบบปรกติ ช่วงนี้คลื่นประมาณ 30-50 cm


ทริปที่ 9 เกาะบุโหลนไม้ไผ่


เกาะบุโหลนไม้ไผ่ เป็นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยาน ภต.3 เกาะบุโหลนไม้ไผ่




ที่นี่มีอะไรบ้าง


พักทานข้าวกันที่นี่ ถึงจะมีอุทยานแต่ก็ไม่มีอะไรขายนะครับ มีเมนูอร่องที่สุดในสามโลกอีกแล้ว ย่างหมูทานกัน คล้าวเสียงคลื่น มองออกไปสุดหูสุดตา บรรยากาศดีจริง




ช่วงคลื่นแรงสุดช่วงเกาะเภตรา เกาะเหลาเหลียง คลื่นประมาณ 0.8 m ตอนช่วงเกาะเภตราก็ประเมินว่าถ้าคลื่นแรงกว่านี้จะวิ่งทะเลในของเกาะลิบง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ได้ทดสอบเทคนิคการขับเรือสปีดโบ๊ทที่ผมค้นพบ คือ ขับเรือสปีดโบ๊ทแบบกระดานโต้คลื่น เล่นกับคลื่น แล่นบนยอดคลื่น น้าบวรแกไม่เคยเห็นวิธีการขับแบบนี้ มันจะดูระห่ำมาก แกบอกแกขับแบบน้าตุ้มไม่ได้ แต่เรือผมก็ปาดน้ำที่มีคลื่นให้เรียบลง น้าแกก็ขับสบายขึ้น

วิธีการนี้เป็นวิธีการที่จะรีดประสิทธิภาพการวิ่งในคลื่นลมเรือเล็กออกมา โดยไม่ยอมก้มหัวให้คลื่น ไม่ยอมเบาคันเร่ง แต่จะใช้วิธีแล่นไปบนยอดคลื่น ไต่ลูกคลื่น เพื่อให้เรือขึ้นน้ำตลอดเวลา และต้องรักษาความเร็วเพื่อแก้เอียง ไม่ให้เรือเอียงตามลูกคลื่น พอเรือมีความเร็วมากพอ มันจะมีเสถียรภาพแบบมอเตอร์ไซค์ไต่ถัง


พอเข้าใกล้เขตเกาะลิบงทะเลก็เรียบแล้วครับ


เส้นทางเดินทางกลับ



ในที่สุดก็ถึงปากเมงแล้วครับ


วิวสวยๆ ปากเมง






ทริปนี้เตรียมน้ำมัน 220 ลิตร เหลือกลับบ้าน 40 ลิตร ใช้น้ำมันไป 180 ลิตร

สตีปจ๊อปเคยกล่าวไว้ว่า "จงใช้ชีวิตทุกวัน ให้เหมือนวันสุดท้ายของชีวิต" และผมก็ได้ทำแบบนั้นแล้ว ในทุกๆทริปคือทริปสุดท้ายของผม แต่ถ้ามันจะมีอีก มันก็เป็นทริปสุดท้ายของผมอีก ...  555

จบแล้วครับ ...