คุณสมบัติ
รูปแบบไฟ : Group Flashing
ความสูงจากฐาน : 93m
ระยะเวลากระพริบ : ทุก 9 วินาที
สีของแสงไฟ : สีขาว
ครอบคลุมระยะ : 22nm (40.74 km)
ประวัติ
เนื่องในมหาวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50ปี ในปี พุทธศักราช 2539 กองทัพเรือ ร่วมกับหน่วยราชการ และประชาชน จังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างประภาคาร ขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติปีกาญจนาภิเษก ในการพิจารณาหาสถานที่ก่อสร้างนั้น ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นว่า บริเวณแหลมพรหมเทพ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่ ที่เหมาะสมที่สุด
เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก และจังหวัดภูเก็ตถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญทางด้านทะเลอันดามัน การสร้างประภาคารที่บริเวณแหลมพรหมเทพ จะเป็นการเผยแผ่พระบารมีให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลกโดยทั่วไปได้เป็นอย่างดี นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นเครื่องหมายช่วยในการเดินเรือแล้ว ยังเป็นที่เผยแพร่ข่าวสารต่าง ๆ เช่น ข่าวอากาศ เวลาน้ำขึ้น - ลง เวลาดวงอาทิตย์ ขึ้น - ตก การเทียบเวลามาตรฐานประเทศไทย เป็นต้น และยังจะเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมแหลมพรหมเทพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็น การส่งเสริมการท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
ประภาคารแห่งนี้ ได้รับพระราช ทานนามว่า “ประภาคารกาญจนาภิเษกแหลมพรหมเทพ” เมื่อการก่อสร้างได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2540 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงประกอบพิธีเปิดประภาคาร ณ บริเวณแหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต รูปแบบของประภาคารด้านหน้าเป็นบันไดทางขึ้น มีวงเข็มทิศประดับที่โถงเหนือ ทางเข้าด้านหน้ามีตราสัญลักษณ์ปีกาญจนาภิเษก ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ด้านข้างตราสัญลักษณ์ประดับธงชาติ ด้านใต้ตราสัญลักษณ์เป็นเครื่องแสดงข้อมูลเวลา ระบบไฟวิ่ง ขนาด 1.50 x 7.00เมตรชั้นล่าง ภายในเป็นห้องกระโจมไฟ 1 ห้อง และห้องแสดงนิทรรศการ 1 ห้อง ซึ่งจะจัดแสดงนิทรรศการทางอุทกศาสตร์ และจะมีแผ่นจารึกชื่อของผู้ที่ให้การสนับสนุนบริจาคเงินในการก่อสร้างประภาคาร ซึ่งสามารถมองเห็นได้ เมื่อเข้ามาภายในประภาคารมีบันไดโค้งครึ่งวงกลม จากห้องแสดงนิทรรศการชั้นล่างขึ้นไปยังห้องดาดฟ้าชั้นบน ซึ่งสามารถชมทิวทัศน์โดยรอบบริเวณได้ จากระดับดาดฟ้าชั้นบนมีบันไดเวียนขึ้นไปยังแท่นติดตั้งตะเกียงประภาคาร วัสดุที่ใช้สร้างประภาคาร ใช้ชนิดที่มีคุณภาพดีเยี่ยม มีความสวยงาม และมีความทนทานสูง โดยใช้โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กกรุหินแกรนิต กระจกสะท้อนแสง ๒ ชั้น สีทอง กระจกใสเจียระไน กรอบอลูมิเนียมสีทอง โลหะปิดทองคำหรือหุ้มทองคำ และทองเหลือง
ลักษณะ ขนาดและความหมาย ของประภาคารที่สำคัญ ส่วนยอดของประภาคารได้รับการออกแบบโดยการนำลักษณะสำคัญของตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี มาประดิษฐานไว้ ประกอบด้วย
- พานเครื่องสูง 2 ชั้น เป็นที่ตั้งดวงประทีป หรือตะเกียงประภาคารที่ส่องสว่างรอบทิศ เปรียบประดุจพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์อันแผ่ไพศาลทั่วแผ่นดิน ตะเกียงประภาคารภายใต้เศวตฉัตร 9 ชั้น
- ช้าง 3 เชือก เทินดวงประทีปอยู่ภายใต้เศวตฉัตร 7 ชั้น มีความหมายถึง ช้างเป็นพาหนะของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นเหมือนข้าช่วงใช้ของพระมหากษัตริย์ จึงเปรียบได้กับประชาชนซึ่งเป็นเหมือนข้ารับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ความหมายโดยรวมเสมือนพสกนิกรเทิดทูนและเชิดชูองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ในรัชกาลของพระองค์ที่ให้ความร่มเย็นเป็นสุขภายใต้ร่มพระบารมี
- ตะเกียงประภาคารเป็นรูปกรวยกลมทำด้วยอาครีลิคใส ภายในมีโคมไฟหมุนส่องสว่างรอบทิศ ลักษณะไฟเป็นไฟสีขาว วับ ทุกๆ 9 วินาที (สว่าง 0.21 วินาที มืด 8.79 วินาที) วางอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 94 เมตร
- ฐานรับตะเกียงประกอบด้วยโลหะปิดทองคำ 10 เหลี่ยม มีความหมายถึงทศพิธราชธรรม คือ
- ทาน
- ศีล
- บริจาค
- ความซื่อตรง(อาชชวะ)
- ความอ่อนโยน (มัททวะ)
- ความเพียร (ตบะ)
- ความไม่โกรธ (อักโกธะ)
- การไม่เบียดเบียน (อวิหิงสา)
- ความอดทน (ขันติ)
- ความเที่ยงธรรม (อวิโรธนะ)
- ส่วนโลหะปิดทองคำ มีความหมายถึง ปีกาญจนาภิเษก หอคอยรับพานติดตั้งตะเกียง ขยายขนาดตามสัดส่วนที่สวยงามลาดลง สลักข้อความทศพิธราชธรรมดังกล่าว พร้อมบทพระราชนิพนธ์
ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ ทศพิธราชธรรม 10 ประการ มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระบวรพุทธศาสนา ซึ่งเป็นพระราชจริยาวัตรที่พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทรงปฏิบัติ และเป็นที่ตระหนักกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงบำเพ็ญอย่างไพบูลย์เต็มที่ทุกประการ ต้องตามขัตติยราชประเพณี นับตั้งแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ตราบเท่าถึงกาลปัจจุบัน ความสูง 50 ฟุต มีความหมายถึง ทรงครองราชย์มาครบ 50 ปี เส้นผ่าศูนย์กลางฐานกว้าง 9 เมตร มีความหมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี แสงไฟของประภาคารมองเห็นได้ไกล 39 กิโลเมตร มีความหมายถึงปี พ.ศ.2539 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น